รู้หรือไม่ สำลีเช็ดหน้ายี่ห้อทั่วไปใช้เวลานานกว่า 100 ปีในการย่อยสลายทางชีวภาพ เมื่อถูกใช้แล้วทิ้งจึงไม่ต่างกับขยะพลาสติก . เพราะคนที่แต่งหน้า ทารองพื้น หรือครีมกันแดด ก็ต้องเช็ดทำความสะอาดหน้าก่อน สำลีเช็ดหน้าจึงเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ ทำให้เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ต้องใช้อย่างสิ้นเปลือง และกลายเป็นขยะภายในการใช้งานไม่กี่นาทีเท่านั้น .
สำลีเช็ดหน้าทั่วไปมักจะผลิตจาก ฝ้าย (Cotton) ซึ่งเป็นวัสดุจากธรรมชาติที่มีการปลูกจากต้นฝ้าย โดยฝ้ายเป็นพืชที่มีเส้นใยสามารถนำมาผลิตเป็นสำลีได้ แต่ในกระบวนการผลิตสำลี อาจมีการใช้สารเคมีต่างๆ เช่น สารฟอกขาว หรือสารเคมีในการรักษาความสะอาดและยืดอายุการใช้งาน ซึ่งอาจทำให้สำลีไม่ย่อยสลายได้ง่ายในธรรมชาติ
ทำไมใช้เวลาย่อยสลาย 100 ปี?
แม้ว่าฝ้ายจะเป็นวัสดุธรรมชาติ แต่สำลีที่ใช้มีการฟอกและแปรรูปในขั้นตอนต่างๆ เช่น การเคลือบสารบางชนิดหรือการทำให้สำลีมีความละเอียด ซึ่งอาจทำให้กระบวนการย่อยสลายช้าลง นอกจากนี้ สิ่งแวดล้อมที่สำลีกระทบ (เช่น ดินหรืออุณหภูมิ) ก็สามารถมีผลต่อระยะเวลาการย่อยสลายด้วย ทำให้บางครั้งสำลีอาจใช้เวลานานถึง 100 ปีในการย่อยสลายตามธรรมชาติ
การทิ้งผลิตภัณฑ์จากฝ้ายลงในธรรมชาติจึงสามารถส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เนื่องจากวัสดุที่ใช้ไม่ย่อยสลายได้ง่ายในระยะเวลาอันสั้น จึงควรพิจารณาเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีการย่อยสลายง่ายหรือเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เช่น สำลีจากวัสดุรีไซเคิลหรือที่ย่อยสลายได้ดีกว่า.
สำลีเช็ดหน้าจากต้นปอ: ทางเลือกที่ยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
ในปัจจุบัน การดูแลสิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องที่หลายคนให้ความสำคัญมากขึ้น โดยเฉพาะการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีผลกระทบต่อธรรมชาติน้อยที่สุด หนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยมในการเปลี่ยนแปลงคือ สำลีเช็ดหน้าจากต้นปอ (hemp) ซึ่งเป็นวัสดุธรรมชาติที่สามารถย่อยสลายได้ง่ายและมีประโยชน์หลายด้านที่เหมาะสมกับการใช้งานในชีวิตประจำวัน
สำลีเช็ดหน้าจากต้นปอ (hemp) เป็นผลิตภัณฑ์จากวัสดุธรรมชาติที่มีคุณสมบัติย่อยสลายได้ง่ายในธรรมชาติ เมื่อเทียบกับผลิตภัณฑ์ที่ทำจากพลาสติกหรือวัสดุสังเคราะห์ การย่อยสลายของเส้นใยปอในธรรมชาตินั้นใช้เวลาไม่นาน โดยปกติแล้วเส้นใยปอจะย่อยสลายได้ภายใน 6 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อม เช่น ความชื้นและอุณหภูมิในพื้นที่นั้นๆ
หากเทียบกับพลาสติกที่อาจใช้เวลาหลายร้อยปีในการย่อย
การใช้สำลีเช็ดหน้าจากต้นปอมีข้อดีหลายประการที่ไม่เพียงแต่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม แต่ยังดีต่อผิวของผู้ใช้งานอีกด้วย โดยสำลีที่ผลิตจากต้นปอมีความนุ่มนวลและไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวหน้า ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวแพ้ง่ายหรือผู้ที่ต้องการผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัยจากสารเคมีที่อาจทำให้เกิดการแพ้หรือระคายเคือง
ข้อดีของสำลีเช็ดหน้าจากต้นปอ
1. ย่อยสลายง่าย - ทำจากวัสดุธรรมชาติ ย่อยสลายได้ภายใน 6 เดือนถึง 1 ปี ลดปัญหาขยะตกค้าง
2. เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม - ต้นปอเติบโตเร็ว ไม่ต้องใช้สารเคมีหรือปียที่เป็นอันตรายต่อธธรรมชาติ
3. อ่อนโยนต่อผิว - เส้นใยนุ่ม ไม่ระคายเคือง เหมาะสำหรับผิวแพ้ง่าย
4. ดูดซับดีเยี่ยม - ซับน้ำและเครื่องส่าอางได้ดี ช่วยทำความสะอาดผิวหน้าอย่างมีประสิทธิภาพ
5. ทนทาน ใช้งานได้นาน - เส้นใยแข็งแรง ไม่ขาดง่ายกว่าสำลีทั่วไป
6. ช่วยลดขยะพลาสติก - ลดการใช้วัสดุสังเคราะห์ที่ย่อยสลายยาก
7. ปลอดสารเคมี - ปราศจากสารอันตราย ปลอดภัยต่อผิว โดยเฉพาะผิวบอบบาง
8. สนับสนุนการเกษตรยั่งยืน - ปลูกง่ายในดินคุณภาพต่ำ ช่วยสร้างรายได้ให้ให้เกษตรกร
สรุป การใช้สำลีเช็ดหน้าจากต้นปอนอกจากจะดีต่อผิวแล้วยังช่วยให้โลกของเราสะอาดขึ้นและยั่งยืนมากขึ้น