‘ขยะอิเล็กทรอนิกส์’ – สมาร์ทโฟนเก่าของคุณไปไหนต่อ?
ลองเปิดลิ้นชักเก็บของของคุณ…มีสมาร์ทโฟนเก่าอยู่กี่เครื่อง?
มือถือที่เคยพาเราถ่ายรูป คุยกับคนรัก หรือทำงาน กำลังกลายเป็น "ขยะอิเล็กทรอนิกส์" (e-waste) ซึ่งเติบโตเร็วที่สุดในโลก และอาจกลายเป็นวิกฤตสิ่งแวดล้อมหากไม่มีการจัดการที่ดี
โลกกำลังจมในขยะดิจิทัล
รายงาน Global E-waste Monitor 2024 เผยว่า ปี 2022 โลกสร้างขยะอิเล็กทรอนิกส์กว่า 62 ล้านตัน และคาดว่าจะเพิ่มเป็น 82 ล้านตันในปี 2030 แต่มีเพียง 22% เท่านั้นที่ถูกเก็บและรีไซเคิลอย่างถูกต้อง
สมาร์ทโฟนเก่าของคุณ “ไปไหนต่อ”?
1. หลับอยู่ในลิ้นชัก
สมาร์ทโฟนมากกว่า 5 พันล้านเครื่อง ทั่วโลกถูกเก็บไว้โดยไม่ได้ใช้งานหรือส่งต่อ
2. ถูกทิ้งผิดวิธี
มือถือที่ถูกทิ้งรวมกับขยะทั่วไปสามารถปล่อยสารพิษ เช่น ตะกั่ว ปรอท และแคดเมียม ลงสู่ดินและน้ำใต้ดิน
3. ถูกนำไปรีไซเคิล (บางส่วน)
บางเครื่องถูกส่งไปยังศูนย์รีไซเคิลที่ได้มาตรฐาน แยกชิ้นส่วน เช่น แผงวงจร แบตเตอรี่ และโลหะมีค่าอย่างทอง เงิน หรือแร่หายากอย่าง Europium
มือถือเก่าคือ “ทรัพยากรซ่อนอยู่”
นักวิจัยเผยว่า สมาร์ทโฟน 1 ตันสามารถสกัดทองคำได้ถึง 368 กรัม และเงินอีกหลายกิโลกรัม
นักวิทยาศาสตร์จาก ETH Zurich ได้พัฒนาเทคโนโลยีใหม่ที่สามารถสกัดแร่หายากจากมือถือเก่าได้เร็ว ปลอดภัย และคุ้มค่ากว่าเดิม
ปัญหาที่ยังต้องแก้
ประเทศกำลังพัฒนาส่วนใหญ่ยังไม่มีระบบจัดการที่เพียงพอ
แรงงานในระบบ “รีไซเคิลไม่เป็นทางการ” เสี่ยงสารพิษและไม่ได้รับผลตอบแทนที่เหมาะสม
สินค้าหลายชิ้นถูกออกแบบให้ซ่อมยาก แยกชิ้นส่วนไม่ได้ ทำให้รีไซเคิลลำบาก
ทางออกของเราในถานะของผู้บริโภค
- รีไซเคิลอย่างถูกวิธี
ส่งมือถือเก่าไปยังศูนย์รีไซเคิลที่มีมาตรฐาน หรือใช้โปรแกรม Trade-in จากผู้ผลิต
- ใช้ให้นานขึ้น เลือกมือถือซ่อมง่าย
เช่น Fairphone ที่รองรับการเปลี่ยนชิ้นส่วนได้ง่าย
- สนับสนุนการออกแบบที่ยั่งยืนและกฎหมาย EPR
ผลักดันให้ผู้ผลิตรับผิดชอบต่อวงจรชีวิตของสินค้า
อย่าทิ้งมือถือเก่าไว้เฉยๆ
มือถือเก่าไม่ใช่แค่ของเก่า มันคือทรัพยากรที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ และช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
อย่าปล่อยให้ทองคำในมือคุณ...กลายเป็นมลพิษในวันข้างหน้า