ฉนวนกันความร้อนจากฟางข้าวและกะลากาแฟ
ปัญหาสิ่งแวดล้อมจากการเผาวัสดุเหลือทิ้งทางการเกษตร เช่น ฟางข้าวและกะลากาแฟ เป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดฝุ่น PM 2.5 และก๊าซเรือนกระจกที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ นักวิจัยจากสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) จึงได้พัฒนานวัตกรรมวัสดุฉนวนตกแต่งจากวัสดุธรรมชาติ 100% เพื่อเปลี่ยนของเหลือทิ้งให้กลายเป็นวัสดุที่มีคุณค่า
สิ่งที่ทำให้นวัตกรรมนี้น่าสนใจเป็นพิเศษ คือบทบาทต่อการลดโลกร้อน การนำฟางข้าวและกะลากาแฟมาใช้แทนการเผา ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และฝุ่นละอองสู่ชั้นบรรยากาศ อีกทั้งยังลดการพึ่งพาฉนวนสังเคราะห์ที่ใช้พลังงานสูงในการผลิต การประหยัดไฟฟ้าที่ตามมา ยังหมายถึงการลดการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
ประโยชน์ของการทำฉนวนจากฟางข้าวและกลากาแฟ
• 1.ใช้ของเหลือทิ้งแทนการเผา
• ฟางข้าวและกะลากาแฟเป็นวัสดุที่ชาวบ้านมักเผาทำลาย ซึ่งก่อให้เกิดคาร์บอนไดออกไซด์ (CO₂) และฝุ่น PM 2.5
• การนำมาใช้ผลิตฉนวนจึงช่วยลดการเผา และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
• 2. ช่วยประหยัดพลังงาน
• วัสดุมีคุณสมบัติ กันความร้อนและซับเสียง ทำให้เครื่องปรับอากาศหรือเครื่องทำความร้อนทำงานน้อยลง
• ส่งผลให้ลดการใช้ไฟฟ้า ซึ่งการผลิตไฟฟ้าส่วนใหญ่ยังใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลที่ปล่อย CO₂ ออกมา
• 3.วัสดุย่อยสลายได้
• หลังหมดอายุการใช้งาน วัสดุสามารถนำไป รีไซเคิล หรือ ย่อยสลายตามธรรมชาติ ได้
• ต่างจากฉนวนใยแก้วหรือโฟมที่มักกลายเป็นขยะตกค้างและสร้างมลพิษ
• 4.ลดการพึ่งพาวัสดุสังเคราะห์
• ฉนวนทั่วไปทำจากพลาสติกหรือใยแก้ว ซึ่งการผลิตปล่อยก๊าซเรือนกระจกสูง
• การใช้วัสดุธรรมชาติช่วยลดการผลิตวัสดุที่ทำร้ายสิ่งแวดล้อม
สรุป วัสดุฉนวนตกแต่งจากฟางข้าวและกะลากาแฟจึงไม่เพียงเป็นผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ด้านการใช้งานและการออกแบบตกแต่ง แต่ยังเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสีเขียวที่ช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสนับสนุนการพัฒนาที่ยั่งยืน สามารถย่อยสลายหรือรีไซเคิลได้หลังสิ้นสุดการใช้งานแล้ว